วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

กำเหนิดปากแพรก



ฉันจำได้ว่า...เมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเริ่มมีคนรู้จักชื่อฉัน...ปากแพรก...แล้วหละ  ขณะนั้นชายแดนด้านตะวันตกของแผ่นดินสยามประเทศ ไม่เคยเว้นว่างจากการถูกข้าศึกรุกรานเลย



  กองทัพพม่าเคลื่อนทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ จนลุเข้าพื้นของปากแพรก หลายครั้งเชียวหละจ๊ะ

เดือนอ้าย ปีมะเมีย พ.ศ. 2317  อะแซหวุ่นกี้ ให้งุยอคงหวุ่นยกกองทัพตามพวกมอญมาทางด่านเจดีย์สามองค์ มาถึงท่าดินแดงเห็นไทยตั้งค่ายอยู่  ก็เข้าตีค่ายไทย  กองทัพของพระยายมราชมีกำลังน้อยกว่า ก็แตกถอยหนีมาอยู่กับฉัน ณ ปากแพรก นี่หละ



เจ้าพม่าที่ชื่อแปลก...งุยอคงหวุ่น...เห็นว่าชนะกองทัพสยามของฉันได้ง่ายๆจึงได้ใจยกกำลังเข้ามาตั้งบนดินแดนของฉัน..ปากแพรก ฉันหละเคื่องเคือง



พระยายมราชก็ถอยร่นจากฉันไปชั่วคราวไปตั้งอยู่ที่ดงรังหนองขาว  เจ้า..งุยอคงหวุ่น..ก็ให้มองจายิด คุมกำลัง 2,000 คน  ตั้งค่ายอยู่ที่ปากแพรก  เที่ยวปล้นทรัพย์จับผู้คนที่ฉันรู้จักในแขวงเมืองกาญจนบุรี ส่วนตัวเจ้า..งุยอคงหวุ่น.. คุมกำลัง 3,000 คน  ยกลงไปปฏิบัติการในแขวงเมืองราชบุรี เมืองสมุทรสงคราม และเมืองเพชรบุรี  จนถูกล้อมไว้ที่บางแก้ว



ส่วนหัวหน้พม่ารามัญ อะแซหวุ่นกี้ ที่คอยอยู่ที่เมืองเมาะตะมะ  เห็นกองทัพงุยอคงหวุ่นหายไปนาน  จึงให้ตะแคงมรหน่อง ยกกำลัง 3,000 คน  ตามเข้ามาเหยียบผืนดินสยามของฉัน ณ ปากแพรกอีกครั้ง...ฉันหละเจ็บปวดหัวใจมากๆเชียว...

ครั้นอะแซหวุ่นกี้ ได้ทราบว่า งุยอคงหวุ่นถูกฝ่ายไทยล้อมไว้ที่บางแก้ว  จึงให้มองจายิดยกกำลังที่มี ลงมาช่วยงุยอคงหวุ่นที่บางแก้ว  ส่วนตนเองยกกำลังลงมาตีค่าย พระยายมราชแขกที่หนองขาว ไม่สามารถเอาชนะฝ่ายไทยได้ จึงถอยกำลังไปตั้งอยู่ที่ปากแพรก เห็นไหมฉันถูกพม่ามาเหยียบย้ำหลายครั้งงหลายครา...จนฉันเชื่อว่านี่หละคือเรื่องราวต้นกำเหนิดของฉัน...ปากแพรก...






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น