จารึกบนแผ่นไม้สักที่ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี หลักที่ ๑๔๓ กล่าวไว้ว่า..
" กำแพงเมืองที่ปากแพรกนี้
เดิมเป็นแค่การปักเสาระเนียดบนเชิงเทิน ต่อมาจึงมีการสร้างกำแพงก่ออิฐถือปูน
ดังที่ปรากฏในจารึก ในปัจจุบัน
ป้อมและกำแพงดังกล่าวเหลือให้เห็นเพียงประตูด้านหน้า ซึ่งมีอักษรจารึกว่า ...เมืองกาญจนบุรี
พ.ศ. ๒๓๗๔..., แนวกำแพงด้านริมน้ำ, แนวกำแพงด้านหลังที่โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์และป้อมมุมเมืองด้านวัดไชยชุมพลชนะสงครามเท่านั้น
เนื่องจากส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วมพังลงมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ และมีการรื้อเพื่อสร้างเป็นโรงงานกระดาษ
ใน พ.ศ. ๒๔๘๑ "
ฉัน..ปากแพรก นอกจากจะมีประตูเมืองก่ออิฐถือปูนยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นแล้วนะ แน่นอนต้องมีกำแพงเมืองกาญจนบุรีด้วย แต่มันค่อยๆหายไปตามกาลเวลาอันแสนเศร้า....
กำแพงเมืองของฉันนี่เป็นกำแพงก่ออิฐถือปูน ด้านบนมีใบเสมา ผังกำแพงเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 210 เมตร ยาว 480 เมตร อีกด้วยนะ...แต่ว่า...ทำไมกำแพงเหลือสั้นจู๊ดดดดดดจู้หละจ๊ะ...หายไปไหนหมดนะ...สงสัยจัง!!!
แน่นอน!!! มีกำแพงเมืองก็ต้องมีป้อมประจำมุมด้วยอะนะจ๊ะ
ป้อมประจำมุมมี 4 ป้อม ป้อมกลางกำแพงด้านหน้า 1 ป้อม และป้อมเล็กกลางกำแพงด้านหลัง 1 ป้อม มีประตู 8 ประตู ประกอบด้วย ประตูเมือง 6 ประตู และประตูช่องกุด 2 ประตู ซึ่งได้ชำรุดลงเกือบทั้งสิ้น คงเหลือเฉพาะประตูเมืองด้านหน้า ซึ่งหันหน้าสู่แม่น้ำแควใหญ่ และกำแพงเมืองบางส่วนที่อยู่ติดกัน โดยได้มีการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2549 แต่...ก็นะเฮอ!!!
อยากบอกเพียงว่า "อูยยยยยยยยย เสียดายโบราณสถาน เรื่องราวเยาะแยะมากมายวุ่ยวายปวดหัวจ๊ะ...ว่าแต่ว่าจะคืนให้ป่าวอะ..."
...
ด่วน!!!เจอบทความปากแพรกที่ไหน กด Like หรือ share ที่นั้น ...ก่อนที่เอกชนอย่างพวกเขา...จะหมดลม!!!!
ดูข้อมูลพวกเขาได้ที่ www.facebook.com/pakprak
เพื่อสนับสนุนให้ถนนสายประวัติศาสตร์เส้นนี้...ยืนยาวต่อไป...
เพราะที่นี่ "ภาครัฐไม่ใส่ใจ"...ฉันหละหน่าย!!!
...
จะได้เจอกันอย่างไรผมก็กำลังรนณรงค์ เอากำแพงคืนมาเอาโรงงานกระดาษคืนไป อยากให้ช่วยกันลงชื่อใน change.org
ตอบลบ