โครงการขี้โม้
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
โครงการ “๑๗๗ ปี ปากแพรก ถนนเก่าเล่าเรื่องเมืองกาญจน์”
ณ ถนนปากแพรก ชุมชนบ้านเหนือ ริมกำแพงเมืองเก่ากาญจนบุรี
ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะได้ยินกระแสเสียงของผู้คนหลายกลุ่มที่เห็นด้วยกับการเปิดถนนคนเดินสายนี้ แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการและขั้นตอนการดำเนินงานที่ดูเหมือนมีอะไรแอบแฝงและซ่อนเร้นอยู่ อันนี้ไกด์สาธิต ก็ฟังเขามาอีกที
อยากจะบอกกล่าวให้รู้เพื่อที่ผู้มีส่วนรับผิดชอบจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขเสียใหม่ และทำความเข้าใจกับผู้คนที่เขาอยู่บริเวณนั้น เอาหละครับไกด์สาธิต ก็คงจะฝากไว้เท่านี้ และก็จะต้องติดตามกันต่อไปว่า ถนนปากแพรก ถนนคนเดินสายแรกของเมืองกาญจน์ จะเป็นอย่างไรกันต่อไป จะมีนักท่องเที่ยวมาเดิน หรือจะมีชาวเมืองกาญจน์กันเองมาเดินหรือไม่ อย่างไร
แต่ที่แน่ๆ ก็คือไกด์สาธิต ก็ต้องทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองกาญจน์แห่งนี้ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้รู้จัก ได้รับข้อมูลและความรู้ต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การเดินทางไปสัมผัสกับสถานที่แห่งนั้นด้วยตัวของท่านเอง
ย้อนกลับมาที่ถนนปากแพรก ถนนคนเดินสายแรกของเมืองกาญจน์ ที่เมื่อฉบับที่แล้วไกด์สาธิต ได้แนะนำและอธิบายถึงศิลปะการก่อสร้างอาคาร และบ้านที่อยู่อาศัยบนถนนสายนี้ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่สวยงาม ถึงแม้ว่าบ้านหรือตึกบางหลังจะดูคล้ายกับการก่อสร้างแบบชิโนโปรตุเกส หรือแบบโคโรเนียล อันเนื่องมาจากการได้รับอิทธิพลจากพวกฝรั่งเศสหรือพวกโปรตุกิส ที่เข้ามาค้าขายกับไทยในสมัยนั้น รวมถึงศิลปะการก่อสร้างแบบจีน ที่มีให้เห็นอยู่มากมายหลายหลัง
แต่หลังที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษก็คือ บ้านนายบุญผ่อง วีรบุรุษสงครามของทางรถไฟสายมรณะ เพราะนอกจากความสวยงามของอาคารที่โดดเด่น ด้วยการก่อสร้างเป็นตึก 3 ชั้นแล้ว ประวัติของเจ้าของบ้านหลังนี้ยังน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เจ้าของบ้านหลังนี้มีชื่อว่า นายบุญผ่อง สิริเวชชะพันธุ์เป็นคหบดีที่มั่งคั่งคนหนึ่งของเมืองกาญจน์ นายบุญผ่อง ได้เริ่มติดต่อทำธุรกิจค้าขายกับพวกญี่ปุ่นโดยตรง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้ทำสัญญาค้าขายกับพวกญี่ปุ่น ทั้งเรื่องอาหารการกิน ของอุปโภคบริโภค ญี่ปุ่นต้องการอะไรก็มาสั่งที่ร้าน นายบุญผ่องก็รับหน้าที่จัดหาให้ พร้อมทั้งนำสิ้นค้าไปส่งให้ยังค่ายเชลยศึก ทำให้นายบุญผ่องได้มีโอกาสพูดคุยกับเชลยศึก จึงได้รับรู้ถึงความทุกข์ยาก จึงได้แอบให้ความช่วยเหลือเชลยศึกซึ่งถือเป็นเรื่องเสี่ยงตายเป็นอย่างมาก อาทิ ช่วยให้เชลยศึกยืมเงินในกรณีขัดสน โดยไม่กลัวว่าจะถูกโกง จัดหาเวชภัณฑ์ต่างๆ เครื่องใช้ ถ่านไฟฉาย ยาสีฟัน เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ส่วนประกอบเครื่องวิทยุสื่อสาร รวมถึงแอบส่งจดหมายให้กับเชลยศึกโดยซุกซ่อนไว้ในหีบห่อ เข่งผักผลไม้ หรือเครื่องใช้ต่างๆที่ญี่ปุ่นมารับไปทุกวัน
การแอบช่วยเหลือเชลยศึกอย่างไม่คิดชีวิตของนายบุญผ่อง ทำให้พวกเชลยศึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง นายบุญผ่องก็ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากรัฐบาลออสเตรเลีย และอังกฤษพร้อมทั้งได้รับยศเป็นพันโทในกองทัพอังกฤษ และได้ถูกยกย่องให้เป็น “วีรบุรุษสงครามของทางรถไฟสายมรณะ” (A War Hero Named Boonpong of Deathrailway) มาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้ก็ยังมีบ้านอีกหลายหลังที่มีความสวยงามแต่ไม่สามารถค้นหาข้อมูลเจ้าของได้อย่างเช่น “บ้านสิทธิสังข์” ที่ก่อสร้างเป็นตึก 2 ชั้น ทำด้วยปูนทั้งหลังมีด้วยกัน 3 คูหา หน้าบ้านมีระเบียงยื่นออกมามีเสาปูนรองปูนรองรับ ที่เสามีบัวหัวเสาประดับ ด้านบนทำเป็นรูปโค้ง บานประตูเป็นแบบเฟี้ยม ช่องลมเหนือกรอบประตูมีลายฉลุเป็นลายเครือเถา เหนือลายฉลุเป็นภาพปูนปั้นลายก้านขด มีจารึกบอกพ.ศ.ที่สร้าง สีที่ใช้ทาบ้านนำดินมาจากทุ่งนาคราชมากรองแล้วผสมกับน้ำข้าวเหนียวใช้ทา ซึ่งยังมีความคงทนมาจนทุกวันนี้ และเป็นบ้านที่ยังไม่มีการซ่อมแซมและต่อเติมใดๆ เป็นต้น ซึ่งบ้านต่างๆเหล่านี้ นับเป็นสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์สืบไป
สำหรับ ถนนปากแพรก ถนนคนเดินสายแรกของเมืองกาญจน์ จะสามารถเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองกาญจน์ได้หรือไม่ต้องติดตามกันต่อไป
ref.http://www.tourmuangkan.com
ปิดตัวอย่างเป็นทางการ
โครงการ “๑๗๗ ปี ปากแพรก ถนนเก่าเล่าเรื่องเมืองกาญจน์”
ณ ถนนปากแพรก ชุมชนบ้านเหนือ ริมกำแพงเมืองเก่ากาญจนบุรี
เฮอ!!!ทำให้ท้องแล้วก็ทิ้ง...แม่งทิ้งตรูอีกแล้ว ไม่กี่เดือนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น