“ปากแพรก” เริ่มปรากฎชื่อในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
กาญจนบุรีมีหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนาน
นับมาจากสมัยขอมเรืองอำนาจ ยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ผมรับรู้จากชั่วโมงสังคมสมัยประถมว่า
นี่คือเมืองหน้าด่านสำคัญที่มีผลต่อความอยู่รอดของไทย
และเป็นสมรภูมิระหว่างไทยกับพม่าอยู่เนืองๆ
อิทธิพลของสงครามทำให้เกิดการอพยพโยกย้าย รวมไปถึงการกวาดต้อนเทครัว
จึงไม่แปลกที่กาญจนบุรีจะเป็นแหล่งรวมของคนหลายเชื้อชาติ ทั้ง ไทย มอญ ญวน จีน ปกากะญอ
ถนนปากแพรก เป็นถนนเส้นแรก
ที่สร้างในตัวเมืองกาญจน์ หลังจากย้ายขยับมาจาก ต.ลาดหญ้า
เพื่อใช้แม่น้ำแควเป็นแนวรับจากการโจมตีของพม่า
โดยรัชกาลที่ 3
เป็นผู้ก่อตั้งตำแหน่งตัวเมืองนี้ใหม่
ณ ตำบลริมน้ำแควใหญ่อย่างปากแพรก
กลายเป็นเมืองกาญจนบุรีใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2374 ป้อมปราการ
กำแพงเมืองต่างๆ คือสิ่งตกทอดสู่คนรุ่นหลัง ถนนปากแพรก
ชุมชนเก่าที่มีลักษณะการตั้งถิ่นฐานทอดยาวไปตามริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ และแม่กลอง
ที่เป็นทางคมนาคมทางน้ำสายประวัติศาสตร์ที่สำคัญในอดีต
และที่สำคัญ
การลงหลักปักฐานของผู้คนรายรอบล้วนก่อให้เกิด "เมือง" ขึ้นมาตามกาลเวลา
และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเจริญเติบโตของย่านปากแพรก...ณ
กาญจนบุรีเมืองใหม่
คุยกันบางทีที่ลุงสุรพลก็ว่า
"ที่นี่มันเกิดมาแบบเครือญาติ ไม่ใช่ตัวใครตัวมัน"
หากการก่อเกิดของย่านสักแห่งมีที่มาเช่นนี้
คงไม่แปลกที่ใครสักคนอาจไม่เลือกจากไปไหนแม้ในบั้นปลายชีวิตเลาะผ่านความคึกคักที่สุดของปากแพรกตรงจุดที่ถนนจากตลาดตัดมาเป็นสี่แยกเล็กๆ
แยกซ้ายไปลงแม่น้ำ ส่วนแยกขวานั้นเป็นวันเวย์ มองเห็นกลุ่มตึกแถวในยุคหลังที่สร้างโดยตระกูลตันติวานิชเหยียดยาว
ภายในล้วนสะท้อนความเป็นย่านตลาดใหญ่ ขวนพาณิช ร้านแหวนพลอยเก่าแก่อย่างร้านอาภรณ์ผ่านพ้นคืนวันมาคู่กัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น