แม่น้ำ"แม่กลอง"...ต้นกำเนิดจากแม่น้ำ
2 สาย คือแม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำแควใหญ่
แม่น้ำแควน้อย (สีขุ่น)
ไหลมาจากทิศเหนือด้านอำเภอทองผาภูมิซึ่งมีเขื่อนวชิราลงกรณ์กั้นอยู่ช่วงอำเภอทองผาภูมิ
ไหลผ่านอำเภอไทรโยคจนมาถึงเมืองกาญจนบุรี
ส่วนแม่น้ำแควใหญ่ (น้ำใส)
ไหลมาจากทิศเหนือเหมือนกัน ด้านอำเภอศรีสวัสดิ์ ถูกกักไว้ด้วยเขื่อนศรีนครินทร์
ครับ ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำแควน้อยที่ "บ้านลิ้นช้าง"
(ฝั่งตรงกันข้ามกับปากแพรก) เรียกขานนามบริเวณที่แม่น้ำ 2
สายบรรจบกันว่า "ปากแพรก"
รวมกันไหลลงใต้ เรียกว่าแม่น้ำ
"แม่กลอง" เมื่อนั่งเรือไปที่บริเวณ"ปากแพรก"ดังกล่าว จะเห็น
น้ำสีขุ่นกับน้ำใส ผสมกัน แรกๆก็คนละสี แต่ในที่สุดก็"กลมกลืน"กันได้
แม่กลองเป็นแม่น้ำที่เลี้ยงชีวิตคนกรุงเทพฯครับ
จุดแรกที่ผมเดินผ่านคือไปรษณีย์หน้าเมืองครับ
จากป้ายประวัติด้านหน้าบอกกับเราแค่เพียงว่าอาคารไม้เก่าแก่รูปทรงธรรมดาๆ อาคารนี้คือที่ทำการไปรษณีย์ในยุคแรกของเมืองกาญจนบุรี
สภาพปัจจุบันถูกปล่อยทิ้งร้าง ผมลองแอบเมี่ยงๆ มองๆ ส่องดูข้างใน
พบว่าค่อนข้างมืดและหลอน ….
ถัดมาคือ ...ประตูเมืองกาญจนบุรี ตั้งอยู่บริเวณชุมชนปากแพรก
เป็นประตูเมืองก่ออิฐถือปูนยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น
สร้างในรัชสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เมื่อปี
พ.ศ. 2374 ครั้งย้ายเมืองกาญจนบุรีเก่า
จากตำบลลาดหญ้ามาสู่ปากแพรก เนื่องด้วยยุทธศาสตร์การรบเปลี่ยนไป
โดยมีชัยภูมิในการตั้งรับข้าศึกได้ดีกว่าเก่า
อีกทั้งยังสะดวกในการค้าขายกับเมืองต่างๆอีกด้วย
และประตูเมืองนี่หละที่บอกถึงความเก่าแก่ของเมืองกาญจน์ที่เริ่มตั้งเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2374 ใกล้กับประตูเมืองก็เป็นที่ตั้งของศาลหลังเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่รู้ยังไง???? ซ่อมแซมสร้างใใหม่เป็นปีๆกว่าจะแล้วเสร็จ...เฮอ!!! ตรูหละเบื่อ....
และประตูเมืองนี่หละที่บอกถึงความเก่าแก่ของเมืองกาญจน์ที่เริ่มตั้งเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2374 ใกล้กับประตูเมืองก็เป็นที่ตั้งของศาลหลังเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่รู้ยังไง???? ซ่อมแซมสร้างใใหม่เป็นปีๆกว่าจะแล้วเสร็จ...เฮอ!!! ตรูหละเบื่อ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น